ข้าวไรซ์เบอร์รี่ คือ
ข้าวไรซ์เบอร์รี่ (Riceberry) คือข้าวเจ้าสายพันธุ์ใหม่ที่พัฒนาขึ้นในประเทศไทย โดยเกิดจากการผสมข้ามพันธุ์ระหว่างข้าวสองชนิด ได้แก่ ข้าวเจ้าหอมนิล (เป็นพันธุ์พ่อ) และ ข้าวขาวดอกมะลิ 105 (เป็นพันธุ์แม่) โดยศูนย์วิทยาศาสตร์ข้าว มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545
ตอนที่ 1 : ทำไมข้าวไรซ์เบอร์รี่ถึงเหมาะกับคนลดน้ำหนัก
ตอนที่ 2 : สารอาหารเด่นในข้าวไรซ์เบอร์รี่ที่ช่วยเผาผลาญไขมัน
ตอนที่ 3 : วิธีเลือกและปรุงข้าวไรซ์เบอร์รี่ให้ได้ประโยชน์ที่สุด
ตอนที่ 4 : ข้อควรระวังสำหรับผู้เริ่มกินเพื่อลดน้ำหนัก
ตอนที่ 5 : สรุป
ทำไม ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ถึงเหมาะกับคนลดน้ำหนัก
1.) ใยอาหารสูง
- ข้าวตระกูลนี้มีปริมาณใยอาหารสูงกว่าข้าวขาวขัดสีมาก ใยอาหารช่วยเพิ่มปริมาณในกระเพาะอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้นและอิ่มนานขึ้น
- เมื่ออิ่มนานขึ้น ก็จะช่วยลดความอยากอาหาร ลดการกินจุบจิบระหว่างมื้ออาหาร ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเพิ่มน้ำหนัก
2.) ค่าดัชนีน้ำตาลต่ำถึงปานกลาง
- ข้าวตระกูลนี้มีค่าดัชนีน้ำตาลประมาณ 62 ซึ่งจัดอยู่ในระดับปานกลาง (ข้าวขาวทั่วไปมีค่า GI ประมาณ 73)
- อาหารที่มีค่า GI ต่ำจะถูกย่อยและดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดได้ช้ากว่า ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและสม่ำเสมอ
- การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ช่วยป้องกันภาวะน้ำตาลตกเร็ว ซึ่งมักทำให้เกิดความรู้สึกหิวและอยากอาหารมากขึ้น
3.) คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน
- ข้าวตระกูลนี้เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ซึ่งหมายถึงคาร์โบไฮเดรตที่มีโครงสร้างซับซ้อน ร่างกายต้องใช้เวลาในการย่อยและดูดซึมพลังงานอย่างช้าๆ
- การปล่อยพลังงานอย่างช้าๆ และสม่ำเสมอช่วยให้ร่างกายมีพลังงานใช้ได้ต่อเนื่องตลอดวัน และป้องกันการสะสมไขมันที่เกิดจากการที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
4.) ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น
- ปริมาณใยอาหารที่สูงในข้าวตระกูลนี้ยังช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น ลดปัญหาท้องผูก
- การขับถ่ายที่ดีช่วยในการกำจัดของเสียออกจากร่างกาย และส่งผลให้ระบบเผาผลาญทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
5.) อุดมด้วยสารอาหารและแร่ธาตุ
- แม้ว่าข้าวตระกูลนี้จะมีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำหนัก แต่ก็ยังให้สารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายครบถ้วน เช่น วิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ
- การได้รับสารอาหารที่เพียงพอทำให้ร่างกายทำงานได้อย่างสมบูรณ์ และลดความอยากอาหารที่เกิดจากการขาดสารอาหาร
สารอาหารเด่นใน ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ที่ช่วยเผาผลาญไขมัน
สารอาหารในข้าวตระกูลนี้ไม่ได้มีดีแค่ทำให้อิ่มนาน แต่ยังมีคุณสมบัติช่วยในการ เผาผลาญไขมัน และส่งเสริมสุขภาพโดยรวมอีกด้วย ช่วยในการเพิ่มพลังในการเล่น world lotto หวย มากขึ้น มาดูสารอาหารเด่นๆ ที่ช่วยเรื่องนี้กัน
จุดเด่น ข้าวไรซ์เบอร์รี่
🟣 1. แอนโธไซยานิน
- เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ให้สีม่วงเข้มกับข้าวตระกูลนี้
- ช่วยลดการสะสมของไขมันในร่างกาย
- มีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการเผาผลาญไขมัน
- ยังช่วยลดการอักเสบที่อาจเกิดจากการอ้วนหรือระบบเผาผลาญที่ผิดปกติ
🟤 2. ใยอาหารสูง
- ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วและนาน ช่วยลดปริมาณการกินในแต่ละวัน
- กระตุ้นการขับถ่าย ช่วยให้ร่างกายขจัดของเสียและไขมันได้ดีขึ้น
- ใยอาหารยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ไม่ให้พุ่งสูงจนนำไปสู่การสะสมไขมัน
🟠 3. วิตามิน E
- ทำหน้าที่ปกป้องเซลล์จากความเสียหาย ช่วยให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานสมดุล
- มีส่วนช่วยในการเผาผลาญไขมันและควบคุมระดับไขมันในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ดี
🔵 4. กรดไขมันจำเป็น
- โดยเฉพาะโอเมก้า 3 ที่ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานและไขมัน
- ลดการสะสมของไขมันเลว (LDL) ในร่างกาย และส่งเสริมการไหลเวียนของเลือด
🟢 5. โปรตีนจากพืช
- โปรตีนในข้าวตระกูลนี้มีคุณสมบัติช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อขณะลดน้ำหนัก
- ยิ่งมีกล้ามเนื้อมาก ระบบเผาผลาญก็ยิ่งทำงานได้ดีขึ้น แม้ในเวลาพัก
วิธีเลือกและปรุง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ให้ได้ประโยชน์ที่สุด
หากคุณกำลังลดน้ำหนักหรือหันมาใส่ใจสุขภาพ ข้าวตระกูลนี้เป็นทางเลือกที่ดีมาก แต่การเลือกและปรุงอย่างถูกวิธีจะช่วยให้คุณได้สารอาหารครบและช่วยเผาผลาญไขมันได้ดียิ่งขึ้น มาดูกันว่า ต้องเลือกและปรุงอย่างไรให้ได้ประโยชน์ที่สุด
วิธีเลือกและปรุงด้วย ข้าวไรซ์เบอร์รี่
✅ 1. เลือกข้าวแท้ 100%
- ควรเลือกข้าวที่ไม่มีการผสมกับข้าวขาวหรือข้าวชนิดอื่น
- ดูสีเมล็ดให้เป็นสีม่วงเข้มสม่ำเสมอ ไม่ซีดหรือขาวจาง
- เลือกข้าวจากแหล่งผลิตที่ได้มาตรฐาน เช่น มีตรารับรอง GMP หรือ Organic Thailand
✅ 2. ล้างข้าวแค่เบาๆ ไม่ขัดสีมาก
- ล้างข้าวเพียง 1-2 รอบ เพื่อรักษาสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น แอนโทไซยานิน ที่อยู่ในเปลือกเมล็ดไว้ให้มากที่สุด
- หลีกเลี่ยงการแช่น้ำนาน เพราะอาจทำให้วิตามินละลายหายไป
✅ 3. แช่ข้าวก่อนหุง 30 นาที – 1 ชั่วโมง
- การแช่ข้าวช่วยให้เมล็ดนุ่ม หุงง่าย และช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น
- ลดเวลาในการหุงและรักษาคุณค่าทางอาหารมากกว่าและมีเวลาไปเล่น หวยไว มากขึ้น
✅ 4. ใช้น้ำอัตราส่วน 1:1.2 – 1.5
- หากไม่ชอบข้าวแข็ง ให้เพิ่มน้ำเล็กน้อย แต่ไม่ควรเกิน 1.5 เท่าของปริมาณข้าว
- หุงด้วยหม้อหุงข้าวหรือหม้อแรงดันจะช่วยรักษาสารอาหารได้ดีที่สุด
✅ 5. ไม่เติมเกลือหรือไขมันระหว่างหุง
- เพื่อให้ข้าวตระกูลนี้คงความเป็นอาหารสุขภาพ ควรหลีกเลี่ยงการเติมน้ำมันหรือเนยขณะหุง
- หากต้องการรสชาติ ให้เพิ่มความหลากหลายด้วยผักลวกหรือเครื่องเคียงสุขภาพ
✅ 6. เก็บข้าวอย่างถูกวิธี
- เก็บในภาชนะสุญญากาศหรือถุงซิปล็อกในที่แห้งเย็น หลีกเลี่ยงความชื้น
- ถ้าเป็นข้าวสารเก็บได้ประมาณ 6 เดือน แต่ถ้าเป็นข้าวสุกควรเก็บในตู้เย็นไม่เกิน 3 วัน
ข้อควรระวังสำหรับผู้เริ่มกินเพื่อลดน้ำหนัก
- อย่าทานในปริมาณมากเกินไป
แม้ข้าวตระกูลนี้จะมีไฟเบอร์สูงและช่วยให้อิ่มนาน แต่ก็ยังเป็นคาร์โบไฮเดรตควรควบคุมปริมาณไม่เกิน ½ – 1 ทัพพีต่อมื้อ เพื่อให้พลังงานไม่เกินความจำเป็น
- หลีกเลี่ยงการกินคู่กับกับข้าวที่ไขมันสูง
เช่น หมูทอด ไก่ทอด น้ำพริกปลาร้ามันๆ เพราะจะทำให้แคลอรีรวมพุ่งสูงแนะนำให้ทานกับผักลวก อกไก่ ไข่ต้ม หรือเต้าหู้แทน
- ไม่ควรทานตอนดึก
เพราะถึงแม้จะสุขภาพดี แต่ร่างกายจะเผาผลาญได้ช้าลงช่วงกลางคืนถ้าอยากกินตอนเย็น ให้ลดปริมาณลงครึ่งหนึ่ง และเน้นโปรตีน – ผักแทน
- ควรดื่มน้ำมากๆ
ข้าวตระกูลนี้มีกากใยสูง หากดื่มน้ำน้อยอาจทำให้ท้องอืด ท้องผูกดื่มน้ำ 6–8 แก้วต่อวันจะช่วยให้ระบบย่อยทำงานดีขึ้น
- อย่ากินซ้ำทุกมื้อ
การกินข้าวตระกูลนี้อย่างเดียวทุกมื้ออาจทำให้ขาดสารอาหารบางชนิดควรสลับกับคาร์บดีชนิดอื่นบ้าง เช่น ควินัว มันหวาน หรือข้าวกล้อง
สรุป
ข้าวตระกูลนี้ เป็นข้าวที่คนรักสุขภาพนิยมกินกัน เพราะด้วยประโยชน์ที่มากมายและทำให้อิ่มได้นานมากขึ้น ทำให้คนหันมานิยมกินข้าวตระกูลนี้กันในปัจจุบันใครที่ไม่เคยกินแล้วอยากรู้ว่ามันจะแตกต่างจากข้าวทั่วไปยังไง ไปลองกันได้เลยนะครับ